Friday, June 4, 2010

Bad feeling mode -*- but end with wisdom ;)

"I didn't reflect or express anything doesnt mean I don't feel what you try to look down or make fun of me" I'm sorry that I also have this behavior when I'm fool on that time. Think about the other people's feelings before you make joke around. or Say sorry or kidding to them that you doesnt mean to say something about you in the bad way.

อืม วันนี้เกิดความรู้สึกแย่อีกแล้ว ที่กลายเป็นตัวตลกของคนอื่น โดยที่เราก็เข้าใจ และ บอกตัวเราว่า "เพราะเขาไม่เข้าใจเราต่างหาก จงให้อภัย" แต่ก็เกิดคำถามในใจ และ รู้สึกเสียใจ น้อยใจ ทุกครั้งที่เพื่อนมองเราแบบนี้ มองว่าเราบ้า แล้วก็ว่า หรือ พูดกันสนุกปากโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกว่า เอาเราไปพูด แม้จะพูดเปิดเผย แต่ก็รู้สึกขายขี้หน้า... เหมือนโดนเพื่อน ที่คิดว่าจะพูดอะไรก็เราก็ได้ ไม่มีความเกรงใจ

เราเองเป็น พูดล้อ พูดว่า แบบกัดแรงๆ อืม โดนเข้าเอง ก็ปวดใจเหมือนกัน เราขอโทษ อโหสิกรรมกับบุคคลที่เราเคยทำเหล่านั้น

แรก เราจะระบายความโกรธออกไป แต่สุดท้าย ปัญญา มันก็ทำให้เรา ไม่คิดเห็นแก่ตัว ปัญญา สอนให้เรานึกถึง ใจเขาใจเรา ขอขอบคุณปัญญา

แต่เล่าก่อนที่จะลืม เพื่อเตือนสติตัวเองถึงเหตุการณ์แย่ๆ

เมื่อคืนวันพฤหัส เราอยู่ทำงานค้างคืนที่โรงเรียน อยู่ยันเช้าถึงจะนอน : ผู้คนแแปลกใจ ทำไมเราคึกอยู่ได้ คงเพราะว่าเมายา 555 ไอ้บ้า! แค่ชินที่จะนอนเช้า
เช้าวันศุกร์ เมื่อได้เวลานอน เพื่อนๆกลับไปแล้ว เราก็พยายามนอน แต่เพราะโซฟานอนไม่สบาย,แอร์เย็น,ป่วยแบบคัดจมูก และสุดท้าย เพื่อนเม้าท์เสียงดัง จนไม่ได้นอน
เที่ยงวันศุกร์ พยายามนอนแบบหลับตา แต่ไม่หลับแค่เคลิ้ม ทนนอนไม่ไหว ชวนเพื่อนไปกินข้าว กินไปได้นิดเดียว เพราะ เริ่มเบลอ
กลับมา เพื่อนขอร้องให้ช่วยดูงาน โดยที่ร่างกายกำลังเพลียสัดๆ เหนื่อย กิ๊สสสส เพื่อนกลับบ้านนอน เราขึ้นไปทำงานต่อ โดยห่อข้าวที่เหลืออีกครึ่งกลับมา โดยคิดว่าคงจะหิวทีหลัง
เพื่อนอีกคน มาถึงโรงเรียนโดยชวนไปกินข้าวเที่ยง แต่เราไปไม่ไหว เลยให้กินข้าวที่เราห่อกลับมา ดีและ เพราะเรากินไม่ลงอยู่ดี
บ่าย ลงมาชั้นสาม ทำงานต่อ คุยงานกันคึกคัก เราก็กระตุ้นตัวเอง ด้วยกันสร้างความคึกคักกับเพื่อน
เต้น หน่อย จะได้ ตื่นตัว : เพื่อนประณามจากกลุ่มข้างหลัง
ดูวีดีโอ น่าสนใจ จะได้ไม่ง่วง ก็พูดอีกว่า บ้า ขำอยู่ได้คนเดียว (เหอๆ มึงมีปัญญากับกรูเหรอ ? -*-) เลยบอกให้หยุดนินทา นึกว่าไม่ได้ยิน หยุดพูดลับหลัง เพราะมันน่ารำคาญ
เพื่อนทำปลั๊กแตก ซ่อมไม่เป็น พยายามมาเซ้าซี้ว่าซ่อมไม่ได้ โดยที่เราคุยงานอยู่ เอ่อ เลยบอกว่าถ้าซ่อมไม่ได้ก็ทิ้งไว้ก่อน
พอเรามาซ่อม โดยเคาะปลั๊กให้แน่นกับโต๊ะ ก็มองโดยความไม่รู้ หาว่าเราโมโห 555 แล้วบอกให้กลับบ้านนอน ก็ตะโกน กลับไปว่า พูดเหมือนกลับได้ เหอๆ ไอ้บ้า
ในจังหว่ะนั้น ทุกคนคิดว่า เราเบลอ และ บ้า เพราะไม่ได้นอนแล้ว ... ยอมรับว่าโกรธจนอยากจะเดินออกจากห้อง แต่ เพื่อนก็ส่งข้อวความ จองเรื่องที่พักของกิจกรรมโรงเรียนมา
กำลังคุยกันสนุกปาก เราจึงตัดสินใจ โทรกลับหาเพื่อน เพื่อนต้องการให้กลุ่มข้างหลังได้ยินว่ากูยังจัดงานงานอยู่ กูทำงาน กูไม่ได้เม้าท์แตกอย่างพวกมึง กูมีสติดี และ กูจัดการปัญหาได้ แล้วก็เป็นอย่างนั้น ทุกคนเงียบเสียง เมื่อเราเริ่มพูดโทรศัพท์ อืม คงฟังว่าเรากำลังทำอะไร (กูนี่เป็นจุดสนใจของเพื่อนๆจริงๆ)
เสร็จการคุย ก็รู้สึกปฎิกิริยาต่อเราต่างออกไปทันที เพื่อนข้างหลัง เริ่มเดินมาดูว่าเรากำลังทำอะไร เรากำลังส่งอีเมลล์เรื่องที่พัก เดินมาขอข้อมูลรายงาน และก็ได้เวลากลับบ้าน เราก็ลืมความโกรธนั้นไป

อืม ก็ เรื่องนี้ก็คอยเตือนสติตัวเองเอาไว้ คิดแต่สิ่งดีๆ แสดงแต่ attitude ดีๆ คนก็จะนับถือ แต่เรามีปัญหา คือ คนไม่ค่อยจะ respect ยากนะ แต่ก็จะพยายามต่อไป โดยเราต้องมีจุดยืน ที่มีเหตุผลของเราเอง

สู้ๆๆๆๆ

No comments: